ประวัติวัดบางโพ พอสังเขป
วัดบางโพโอมาวาสเป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่งมีอายุมานานนับร้อยๆปี ตั้งอยู่ในเนื้อที่ ๘ไร่ เศษ๐ เดิมชื่อวัดโพคาราม ต่อมาได้เปลี่ยนฃื่อใหม่ว่า "วัดบางโพโอมาวาส" เมื่อราวปี พ.ศ. ๒๔๘๒ สมัย อาจารย์ห้อย วุฑฒีญาโณ (มงคลกฤษ) เป็นเจ้าอาวาส แต่สร้างขึ้นเมื่อใดใครเป็นผู้ริเริ่มมิได้ปรากฎ เพราะไม่มีผู้ใดทำประวัติขึ้นไว้ จึงสืบหาประวัติที่แท้จริงไม่ได้ เท่าที่สอบถามคนเฒ่าคนแก่ดูก้อหามีผู้ใดให้ความกระจ่างแจ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ ทราบเพียงว่านับจากปี พ.ศ. ๒๔๔๐ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๖รวมเป็น ๑๑๙ปี
มีเจ้าอาวาสปกครองวักรวม ๑๐ รูป
๑. สมภารชื่น
๒. สมภารหว่าง
๓. พระครูวิมลสามจาร (เสน ปุญญาการี)
๔.สมภารห้อง วุฑฒิญาโณ (มงคงกฤษ์)
๕.พระครูบวรธรรมรักษ์ (ภา ธมมรกขิโม)
๖.พระครูปลัดรัตนวัฒน์ (นา)
๗.พระครูศรีรัตนคุณ รก (รักษาการแทน) ปัจจุบันเป็นเจ้าคุณรัตนเมธี
๘.พระมหาสันติ นาควโร
๙.พระครูศรีรัตนคุณ รก (รักษาการแทน) ปัจจุบันเป็นเจ้าคุณรัตนเมธี
๑๐.พระมหาสมัคร (มหาวีโร)เจ้าอวาส องค์ปัจจุบัน
หลวงพ่อโต นับว่าเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญยิ่งของวัดบางโพ ซึ่งประชาชนในระแวกใกล้เคียงให้ความสนใจเลื่อมใสเป็นพิเศษ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมจึงตั้งหันพระพักตรงไปทางทิศตะวันตก อาจเป็นเพราะว่าคนสมัยก่อนคงจะสร้างกฤษณาธรรมทิ้งไว้เป็นมรดก ให้คนรุ่นหลังเก็บเอาไปไว้คิดก็ได้ ขอฝากไว้ให้ผู้อ่านคิดเอาเองก็แล้วกันต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ หลังจากสร้าง วิหาร หลังใหม่เสร็จแล้ว ก็ได้อัญเชิญ หลวงพ่อโต มาประดิษฐานไว้ วิหาร หลังใหม่ โดยหันพระพักตรงไปทางทิศตะวันออก
หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่มาก มีอายุหลายร้อยปี สร้างด้วยศิลาแรง แกะสลักอย่างงดงาม ฝีมือช่างสถาปัตตย กรรม ครั้งกรุงศรีอยุธยา หลังจากย้ายมาอยู่ในวิหารหลังใหม่แล้ว ก็ได้ตกแต่งใหม่โดยการเอาปูนพอกไว้จึงทำให้แลไม่เห็นองค์จริง ฯ
หลวงพ่อโต
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดบางโพโอมาวาส
หลวงพ่อโต
เดิมที่อยู่ในวัดร้างแห่งหนึ่ง ( ปัจจุบัน บริเวณนั้นเป็นตลาดรถยนต์ )
ในย่านบางโพซึ่งอยู่ใกล้ๆกับวัดบางโพโอมาวาสของเรานี้เอง
วัดแห่งนั้นชื่ออะไรไม่ปรากฏ ทุกวันนี้ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย
เพราะว่าขาดพระภิกษุผู้ดูแลรักษามาช้านานจนชาวบ้านผู้มีอิทธิพลเข้าไปจับจอง
อาศัยอยู่ในที่นั้น และอยู่กันต่อ ๆ มานมนานชั่วอายุคน หนัก ๆ
เข้าที่ดินบริเวณนั้นก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ ของคนเหล่านั้นไปในที่สุด
ต่อมาพวกชาวพุทธสาสนิกชน ที่ยังมีความเลื่อมใสในองค์หลวงพ่ออยู่
ต่างก็มีความเห็นต้องกันว่า การที่จะทิ้งหลวงพ่อให้อยู่โดดเดี่ยว
ปนเปกับชาวบ้าน โดยไม่มีใครจะสนใจบำรุงรักษาเช่นนี้ ย่อมไม่เป็นการสมควร
จึงได้ผูดชักชวนกันอัญเชิญหลวง ลงแพแห่ล่องมาตามคลองบางโพ
ออกมาแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นขบวนใหญ่ แล้วนำขึ้นมาประดิษฐานไว้ ณ
ที่วัดบางโพโอมาวาสอยู่จนตราบเท่าวันนี้ไม่ปรากฏว่านำมาเมื่อ พ.ศ. ไหน
ทุกวันนี้คูคลองต่างๆถูกทางราชการถมสร้างเป็นถนนบ้าง
ประชาชนถมที่ปลูกสร้างบ้านเรือนบ้าง จึงอาจทำให้ท่านผู้อ่านบ้างท่านงง
เพราะว่ามองไม่เห็นภาพ พรจน์ที่แท้จริงหลวงพ่อโต นับว่าเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญยิ่งของวัดบางโพ ซึ่งประชาชนในระแวกใกล้เคียงให้ความสนใจเลื่อมใสเป็นพิเศษ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมจึงตั้งหันพระพักตรงไปทางทิศตะวันตก อาจเป็นเพราะว่าคนสมัยก่อนคงจะสร้างกฤษณาธรรมทิ้งไว้เป็นมรดก ให้คนรุ่นหลังเก็บเอาไปไว้คิดก็ได้ ขอฝากไว้ให้ผู้อ่านคิดเอาเองก็แล้วกันต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ หลังจากสร้าง วิหาร หลังใหม่เสร็จแล้ว ก็ได้อัญเชิญ หลวงพ่อโต มาประดิษฐานไว้ วิหาร หลังใหม่ โดยหันพระพักตรงไปทางทิศตะวันออก
หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่มาก มีอายุหลายร้อยปี สร้างด้วยศิลาแรง แกะสลักอย่างงดงาม ฝีมือช่างสถาปัตตย กรรม ครั้งกรุงศรีอยุธยา หลังจากย้ายมาอยู่ในวิหารหลังใหม่แล้ว ก็ได้ตกแต่งใหม่โดยการเอาปูนพอกไว้จึงทำให้แลไม่เห็นองค์จริง ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น